เช็กเลย! วิธีการดูฉลากนำส่ง และ วิธีตรวจสอบจุด Drop Off
วันนี้น้องลาซขอแชร์วิธีการดูฉลากนำส่ง พร้อมทั้ง วิธีตรวจสอบจุด Drop Off สำหรับร้านค้าที่เลือกใช้บริการฝากส่ง เรียกได้ว่าอ่านจบแล้ว พี่ ๆ ผู้ขายต้องเข้าใจแน่นอน เราไปดูกันเลยดีกว่า ว่าจะมีขั้นตอนและวิธีอะไรบ้าง !
วิธีการดูฉลากนำส่ง สำหรับร้านค้าลาซาด้า
เรามาเริ่มกันที่ วิธีการดูฉลากนำส่ง สำหรับร้านค้าลาซาด้า เพื่อช่วยให้ พี่ ๆ ร้านค้าเห็นภาพมากขึ้น น้องลาซขอแนะนำให้ดูภาพประกอบด้านบน ควบคู่กับ คำอธิบายทั้ง 18 ข้อ ดังนี้ !
- บริษัทผู้รับสินค้า : มุมซ้ายสุดของฉลากนำส่งทุกใบ จะมีการระบุชื่อบริษัทผู้รับสินค้า หรือ บริษัทขนส่งที่ทำหน้าที่ เข้ารับสินค้าจากมือผู้ขาย
- รูปแบบการรับสินค้า : สำหรับรหัสและตัวเลขที่ปรากฎในช่องนี้ จะถูกใช้ภายในบริษัทขนส่งเท่านั้น เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ขนส่งรู้ว่าควรเข้ารับสินค้าในรูปแบบใด
- รหัสแยกปลายทางนำจ่าย : สำหรับรหัสแยกปลายทางนำจ่าย มีจุดประสงค์ เพื่อใช้ภายในบริษัทขนส่งเท่านั้น มีความสำคัญ ช่วยให้ทีมขนส่งสามารถแยกสินค้าแต่ละชิ้นและจัดส่งไปยังปลายทางนำจ่ายได้อย่างถูกต้อง
- บริษัทผู้นำส่งสินค้า : มุมขวาสุดของฉลากนำส่ง จะมีการระบุชื่อบริษัทผู้นำส่งสินค้า หรือ บริษัทขนส่งที่ร้านค้าเลือกใช้ เช่น Flash Express หรือ Kerry Express เป็นต้น
- เลขพัสดุ : หมายเลขพัสดุ หรือ เลขพัสดุ เป็นหมายเลขที่ผู้ขายสามารถติดตามสถานะของสินค้าในระหว่างจัดส่งได้ เพียงนำหมายเลขพัสดุ ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ขนส่ง หรือ สแกนบาร์โคดได้เลย
- เวลาพิมพ์ฉลากนำส่ง และ วันที่ออเดอร์นี้ถูกสั่ง : รายละเอียดส่วนนี้จะเป็นการระบุวันที่ร้านค้าได้ทำการพิมพ์ฉลากนำส่ง พร้อมกับ วันที่ออเดอร์นี้ถูกสั่งจากลูกค้า
- รหัสคัดแยกสำหรับบริษัทขนส่ง ( ใช้ภายในบริษัทขนส่ง ) : รหัสนี้มีไว้สำหรับบริษัทขนส่งโดยเฉพาะ เพื่อช่วยคัดแยกสินค้าต่างๆได้อย่างถูกต้อง
- ข้อมูลผู้ส่ง : รายละเอียดข้อมูลของผู้ส่งสินค้า หรือ ร้านค้า
- ข้อมูลผู้รับ : รายละเอียดข้อมูลของผู้รับสินค้า หรือ ลูกค้า
- เลขออเดอร์ : หมายเลขออเดอร์ มีไว้เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าสินค้ามาจากออเดอร์ใด เพื่อช่วยให้ทำการจัดส่งถึงมือผู้รับได้อย่างถูกต้อง
- รหัสใช้ภายในของขนส่ง : รหัสนี้มีไว้สำหรับบริษัทขนส่งโดยเฉพาะ
- รหัสใช้ภายในของขนส่ง : รหัสนี้มีไว้สำหรับบริษัทขนส่งโดยเฉพาะ
- รหัสไปรษณีย์ผู้รับ : รหัสไปรษณีย์ของผู้รับ เป็นรหัสที่ทางขนส่งใช้ในการคัดแยกสินค้าเพื่อความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
- ประเภทการส่งสินค้า : ประเภทการส่งสินค้า เป็นการแสดงให้เห็นว่าแต่ละออเดอร์จัดอยู่ในประเภทการส่งสินค้าประเภทใด เช่น บริการฝากส่ง ( Drop Off ) เป็นต้น
- รูปแบบการชำระเงิน : ในรายละเอียดส่วนนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าออเดอร์นี้มีรูปแบบการชำระเงินแบบใด เช่น ชำระเงินปลายทาง (COD) , โอนเงินผ่านแอปธนาคาร , บัตรเครดิต/เดบิต หรือ ทรูมันนี่ วอลเล็ต เป็นต้น
- ยอดชำระและบาร์โคดสำหรับเก็บเงินปลายทาง : กรณีที่เป็นการชำระเงินปลายทาง จะมีการระบุยอดชำระ พร้อม บาร์โคดสำหรับชำระเงินในช่องนี้
- สำหรับเลขติดตามพัสดุ : คิวอาร์โคดนี้ มีไว้สำหรับติดตามสถานะพัสดุของแต่ละออเดอร์
- รูปแบบการจัดส่ง : รูปแบบการจัดส่ง เป็นตัวบ่งบอกว่าออเดอร์นี้ ใช้รูปแบบการจัดส่งแบบใด เช่น ส่งเร็วพิเศษ หรือ จัดส่งแบบธรรมดา
นอกจากองค์ประกอบสำคัญต่างๆ ทั้ง 18 ข้อ ใบฉลากนำส่งสินค้าที่มีมาตรฐาน ควรพิมพ์จากกระดาษสติกเกอร์ขนาด A6 ความกว้างขนาด 4 นิ้ว (10 เซนติเมตร ) และความยาวขนาด 6 นิ้ว ( 15 เซนติเมตร ) เมื่อพิมพ์ใบฉลากนำส่งออกมาเรียบร้อย ต้องตรวจเช็กรายละเอียดของแต่ละส่วน ให้ถูกต้อง ก่อนแปะลงพัสดุทุกครั้ง
วิธีตรวจสอบจุด Drop Off สำหรับร้านค้าที่เลือกใช้บริการฝากส่ง
ปัจจุบันนี้ บริษัทผู้ให้บริการการจัดส่งสินค้าแบบ Drop Off ประกอบไปด้วย 5 บริษัท ดังนี้
- LEX Drop Off : สำหรับ LEX Drop Off มีจุดให้บริการครอบคลุม ทั้งหมด 1,094 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล ชลบุรี และระยอง สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ เพียงคลิกที่นี่ https://map-th.lel.asia/
*จุดให้บริการ Shell และ Lotus จะรับน้ำหนักพัสดุไม่เกิน 12 กิโลกรัม/ชิ้น และความยาวไม่เกินด้านละ 55 เซนติเมตร - Kerry Drop Off : สำหรับ Kerry Drop Off มีจุดให้บริการครอบคลุม ถึง 10,811 แห่ง ซึ่งมีทั้งจุดบริการพาร์เซลช็อป, จุดบริการร้านค้ารายย่อย, ศูนย์การค้า Big C และ Big C Mini สามารถตรวจสอบจุดบริการต่างๆได้ทันที เพียงคลิกที่นี่ https://th.kerryexpress.com/th/where-we-are
- Flash Drop Off : สำหรับ Flash Drop Off มีจุดให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น จุดให้บริการ Flash Home 2,961 แห่ง และ Flash Shop 179 แห่ง สามารถตรวจสอบจุดบริการทั้งหมด ได้ที่นี่ https://www.flashexpress.com/fle/location
- Thai Post ( ไปรษณีย์ไทย ) : สำหรับจุดบริการ Drop Off ของ Thai Post ( ไปรษณีย์ไทย ) ร้านค้าสามารถจัดส่งสินค้าได้ที่ไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ ตรวจสอบจุดบริการได้ง่าย ๆ เพียงคลิกที่นี่ https://kbms.thailandpost.com/portal
- Ninja Van Drop Off : สำหรับ Ninja Van Drop Off ร้านค้าสามารถจัดส่งสินค้าได้ที่จุดบริการทั้ง 922 แห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสามารถตรวจสอบจุดบริการได้ที่นี่ https://www.ninjavan.co/th-th/support/find-ninja-point#find-a-ninja-point
ตรวจสอบรายละเอียดขนส่งได้ง่าย ๆ ผ่านระบบ Seller Center
หากร้านค้าไม่แน่ใจว่าร้านค้าใช้บริษัทขนส่งอะไร จากภาพข้างต้น ร้านค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดขนส่งได้จากระบบ Seller Center โดยเข้าไปที่เมนู ‘ บัญชีของฉัน ’ พร้อมเลือก ‘ ข้อมูลส่วนตัว ’ และเลือกแถบ ‘ บริษัทขนส่ง ’ เพียงเท่านี้ จะมีหน้าต่างดังภาพข้างต้นปรากฎขึ้นมา พี่ ๆ ร้านค้าสามารถตรวจสอบจากช่อง บริษัทขนส่ง และ ประเภทการจัดส่ง
4 ขั้นตอน เตรียมพัสดุให้พร้อมส่งทันที และเทคนิคลับช่วยรักษาคะแนนร้านค้า
เพื่อช่วยให้พี่ ๆ ร้านค้าเตรียมความพร้อมในการจัดส่งพัสดุ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น น้องลาซขอแชร์ 4 ขั้นตอนง่ายๆ และเทคนิคลับเพิ่มเติมสำหรับร้านค้าโดยเฉพาะ
- ตรวจสอบคำสั่งซื้อบนหน้าแอป Seller Center
- กดปุ่ม ‘ สร้างแพ็กเกจ & พิมพ์ ’ และทำการแปะฉลากขนส่งและแพ็คสินค้าให้เรียบร้อย
- ปรับสถานะคำสั่งซื้อเป็น ‘ พร้อมจัดส่ง ’
- ส่งมอบพัสดุให้ขนส่ง
นอกจาก 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ร้านค้ายังสามารถกดปุ่ม ‘ พิมพ์รายการเตรียมสินค้า ’ เพื่อจัดเตรียมจำนวนสินค้าตาม ใบรายการก่อนเริ่มบรรจุพัสดุ ช่วยลดปัญหาสินค้าตกหล่นได้ มากไปกว่านั้น เมื่อพัสดุอยู่ในสถานะพร้อมส่งมอบให้ขนส่ง อย่าลืมปรับสถานะเป็น ‘ พร้อมจัดส่ง ’ เพื่อช่วยให้รักษาคะแนนร้านค้าให้ดีขึ้น
ทิ้งทายบทความ เช็กเลย! วิธีการดูฉลากนำส่ง และ วิธีตรวจสอบจุด Drop Off
บทความนี้ จัดเป็นบทความที่เป็นประโยชน์สำหรับร้านค้าลาซาด้าโดยเฉพาะ สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องดูฉลากนำส่งอย่างไร หรือ อยากตรวจสอบจุด Drop Off ต่างๆ อย่าลืมเซฟบทความนี้ไว้ ! มีติดตัวไว้ อุ่นใจแน่นอน ! ส่วนใครที่ยังไม่เปิดร้านค้าในลาซาด้า อย่ารอช้า คลิกเลย ! https://lzd.co/46u0uEf เปิดร้านได้ทันที ภายในไม่กี่คลิก
สมัครขายในลาซาด้าวันนี้รับเลยสิทธิประโยชน์ 9 ต่อสำหรับผู้ขายใหม่
- ฟรี! ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน 0% นาน 30 วัน *
- ฟรี! ค่าธรรมเนียมการใช้บริการมาร์เก็ตเพลส 0% นาน 30 วัน *
- ฟรี! โปรแกรมส่งฟรีพิเศษ 0% นาน 30 วัน
- ฟรี! โปรแกรมเงินคืนทุกวัน 0% นาน 30 วัน
- ฟรี! คูปองกระตุ้นยอดขาย
- ฟรี! แคมเปญดีลร้านใหม่
- ฟรี! ทีมงานดูแลร้านค้าส่วนตัว สูงสุด 90 วัน
- ฟรี! คอร์สเทคนิคการขายที่ Lazada University ฟรี! เข้าร่วมกลุ่มเฟซบุ๊กของลาซาด้าที่ Lazada Happy Selling Group
- ฟรี! เครดิตเพิ่มยอดเข้าชม 400 บาทเฉพาะร้านค้าใหม่
*ค่าธรรมเนียมการชำระเงินและค่าธรรมเนียมการใช้บริการมาร์เก็ตเพลสที่จะได้รับคืนรวมกันสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อผู้ขายตลอดระยะเวลาโปรแกรม โดยเป็นสิทธิพิเศษสำหรับสินค้าทุกประเภทยกเว้นสินค้าดิจิทัล (Digital Goods)
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาอ่านรายละเอียดของแต่ละเงื่อนไขส่งเสริมการขายที่หน้า Seller Center https://sellercenter.Lazada.co.th หรือ https://lzd.co/NSBTNC